24 พ.ย. วันมหาประชาชนพิพากษา โค่นทรราช์ระบอบทักษิณ!

กระทู้สนทนา
พลังมหาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วสารพิศนับแสนคนยังคงยืนหยัดร่วมชุมนุมแสดงพลังที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินมานานเกือบเดือนแล้วโดยล่าสุดได้แสดงประชามติยกระดับการเคลื่อนไหวจากการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้คนโกงอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมมาเป็นการโค่นล้มระบอบทักษิณให้พ้นจากแผ่นดิน

พร้อมกันนี้มีการประกาศแนวทางอารยะขัดขืน 4 มาตรการประกอบด้วย  1.เข้าชื่อคัดค้านถอดถอนส.ส.และสมาชิกวุฒิสภา(สว.) 310 คนที่สนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อนักโทษชายแม้ว 2.ต่อต้านสินค้าผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือระบอบทักษิณ 3. ร่วมแสดงออกเพื่อให้รู้ว่ามีความรังเกียจเดียดฉันท์กับบรรดาทาสรับใช้ระบอบทักษิณ อาทิ นายธาริต เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานรัฐสภา 4.จะรวมพลังมวลชนให้ได้ 1 ล้านคนเพื่อยกระดับการชุมนุมขั้นสูงสุด ดึงข้าราชการที่อยู่ระบอบทักษิณให้กลับมาเป็นข้าราชการของประชาชน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพลังมหาประชาชน ประกาศดีเดย์แสดงพลังครั้งใหญ่ของมวลมหาประชาชนในวันที่ 24 พ.ย.นี้เพื่อเปิดศึกแตกหักโค่นระบอบทักษิณ ดังนั้นต้องจับตาการยกระดับการเคลื่อนไหวขั้นสูงสุดในวันที่ 24 พ.ย.ซึ่งจะเป็นวันที่มหาประชาชนออกมาแสดงพลังครั้งยิ่งใหย่ที่สุดในประวัติศาสตร์และจะพิพากษาชี้ชะตารัฐบาลหุ่นเชิดและขบวนการทาสรับใช้ระบอบทักษิณ

ขณะที่การชุมนุมของพลังมหาประชาชนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นปัจจัยหลักที่สั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของนายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกสภา การเดินเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านในสภาควบคู่กับความเคลื่อนไหวของพลังมหาประชาชนนับว่าแหลมคมมากขึ้นทุกขณะโดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์  นายจารุพงศ์ เรื่องสุวรรณ รมวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  พร้อมยื่นถอดถอน  แต่รัฐบาลหุ่นเชิดผ่าน นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร กลับเล่นเกมไม่ยอมบรรจุญัตติซักฟอกเข้าสู่วาระในสภาผู้แทนฯโดยอ้างว่าญัตติของฝ่ายค้านไม่ได้แนบข้อกล่าวหา ซึ่งการเดินเกมของรัฐบาลหุ่นเชิดพรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นแผนเปิดช่องทางยุบสภาหนีในยามคับขันให้ กับ นายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์  เพราะหากมีการบรรจุญัตติซักฟอกเข้าวาระการพิจารณาแล้วรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามไม่ให้มีการยุบสภาจนกว่าการอภิปรายซักฟอกจะสิ้นสุดลง ขณะเดียวกันก็เป็นการปิดหูปิดตาประชาชนเพราะเกรงว่าข้อมูลการเปิดโปงของฝ่ายค้านจะยิ่งทำให้ประชาชนเกิดวิกฤติศรัทธาในรัฐบาลจนไปร่วมชุนนุมที่อนุสารีย์ประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามล่าสุด นายสมศักดิ์ ยอมบรรจุญัตติซักฟอกของฝ่ายค้านเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนฯแล้วในวันที่ 21 พ.ย. แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังตั้งแง่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายได้เพียงวันเดียว ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการอภิปราย 3 วัน

ขณะเดียวกันรัฐบาลหุ่นเชิดยังต้องเผชิญกับระเบิดเวลาลูกใหญ่อีกลูกหนึ่งนั่นคือคำชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นคำร้องให้วินิจฉัยว่า 312 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและสว.ทาสรับใช้ระบอบทักษิณที่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสว.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพราะมีการเสียบบัตรแทนกัน รวบรัดหักดิบขั้นตอนการพิจารณา รวมทั้งส่อเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดในลักษณะใช้ทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์อย่างประนีประนอมโดยชี้ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้ร่างตกไป  แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้วินิจฉัยให้ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 312 ส.ส.และสว. และไม่ยุบพรรคการเมืองที่ร่วมสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ

แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแบบทางสายกลาง แต่ขบวนการระบอบทักษิณกลับเหิมเกริมด้วยการประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและเตรียมวางแผนที่จะล้มล้างศาลรัฐธรรมนูญรวมไปถึงองค์กรอิสระต่างๆที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในการแสวงหาผลประโยชน์และแผนผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณด้วยการเตรียมเดินหน้าผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อันจะนำไปสู่การล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งจะยิ่งเป็นชนวนให้ประชาชนออกมาขับไล่ระบอบทักษิณมากยิ่งขึ้น

ผลการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญแม้จะเหมือนถอดชนวนระเบิดเวลาลูกใหญ่ไปได้ลูกหนึ่งทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงในระดับหนึ่ง แต่ระเบิดเวลาลูกใหญ่และสำคัญอย่างแท้จริงก็คือเส้นตายการชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ของมหาประชาชนที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ซึ่ง นายสุเทพ ประกาศเรียกร้องให้มวลมหาประชาชนออกมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ถึง 1 ล้านคน พร้อมทั้งย้ำว่าการทำ   ศึกขั้นแตกหักของมวลมหาประชาชนครั้งนี้จะต้องจบลงภายในสิ้นเดือนนี้

ขณะที่พฤติการณ์ของแกนนำฝ่ายรัฐบาลดูเหมือนจะยิ่งเรียกแขกด้วยการยั่งยุท้าทายพลังมหาประชาชนสุมไฟวิกฤติให้ลุกลามบานปลายมากขึ้น โดยเฉพาะ  นายจารุพงศ์ เย้ยและท้าทายพลังมหาประชาชนว่า แม้จะออกมาชุมนุมถึง  1 ล้านคนจริงก็ยังน้อยกว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่มีถึง 14 ล้านเสียง ขณะที่ นายธาริต คุกคามพลังมหาประชาชนด้วยการขู่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เป่านกหวีดขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐ

รัฐบาลยังสร้างเงื่อนไขยั่วยุท้าทายพลังมหาชนด้วยการใช้ทั้งม็อบเสื้อแดง รัฐตำรวจ และหน่วยงานทาสรับใช้ระบอบทักษิณโดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ กรมอัยการ หรือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.)ข่มขู่คุกคามพลังมหาประชาชนทุกวิถีทาง   โดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ถึงกับด่าด้วยคำว่า “ม็อบ”

เพราะฉะนั้นสถานการณ์ศึกระหว่างพลังมหาประชาชนกับทรราชย์ระบอบทักษิณได้มาถึงจุดแตกหักโดย 24 พ.ย.นี้หากประชาชนมาร่วมแสดงพลังอย่างมืดฟ้ามัวดินถึง 1 ล้านคนอย่างที่นายสุเทพตั้งเป้านั่นก็จะเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์เมื่อพลังมหาประชาชนพิพากษาชะตากรรมระบอบทักษิณสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ที่มา:http://www.naewna.com/creative/78774

ปล.ไปร่วมกันสร้าง ประวัติศาสตร์ ครับ....แล้วเจอกันที่ราชดำเนิน...


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่